ค่าดัชนีมวลกาย (BMI)

ค่าดัชนีมวลกาย (BMI)

 

ค่าดัชนีมวลกาย (BMI)

 
 *สูตรคำนวณค่า BMI Body Mass Index (BMI) ดัชนีมวลกาย เท่ากับ BMI = weight / (height / 100) ^ 2 (100 เซนติเมตร เท่ากับ 1 เมตร) ค่าดัชนีมวลกาย (BMI)
 
การหาค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI) คือเป็นมาตรการที่ใช้ประเมินภาวะอ้วน และผอมในผู้ใหญ่ ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป สามารถทำได้โดยการชั่งน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม และวัดส่วนสูงเป็นเซนติเมตร แล้วนำมาหาดัชมีมวลกาย โดยใช้โปรแกรมวัดค่าความอ้วนข้างต้น
 
ความสำคัญของการรู้ค่าดัชนีมวลร่างกาย เพื่อดูอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ถ้าค่าที่คำนวณได้ มากหรือน้อยเกินไป เพราะถ้าเป็นโรคอ้วนแล้ว จะมีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจขาดเลือด และโรคนิ่วในถุงน้ำดี แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ผอมเกินไป ก็จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายลดลง ดังนั้นควรรักษาระดับน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
 
องค์การอนามัยโลกทำการศึกษาพบว่า คนเอเชียที่มีค่าดัชนี มวลกายมากกว่า 23 เป็นต้นไป จะมีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น หรือแปล ได้ว่า ถ้าคุณน้ำหนักเกิน ก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
 
ค่าดัชนีมวลกาย (BMI)
 

คำอธิบายเมื่อประมวณผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว

1.  น้ำหนักน้อยกว่ามาตรฐาน (น้อยกว่า 18.50)
คุณมีน้ำหนักน้อยหรือผอม โดยทั่วไป ค่าดัชนีมวลกายปกติมีค่าน้อยกว่า 18.50
การบริโภคที่ไม่ถูกต้องเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการสะสมไขมัน ควรกินอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมและปริมาณมากขึ้น โดยเพิ่มอาหารประเภทที่ให้พลังงานมากขึ้น เช่น ไขมัน แป้ง ข้าว เนื้อสัตว์ นม
 
SparSha มีนักโภชนากรที่ให้คำแนะนำการบริโภคอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ให้สามารถรักษารูปร่างให้คงที่โดยไม่กลับมาอ้วนอีก ทำให้ผลการลดสัดส่วนถาวร และป้องกันการกลับมาอ้วนใหม่
 
ค่า BMI น้อยกว่า 18.50 นั่นไม่ใช่แต่คุณไม่อ้วน แต่อาจค่อนข้างผอมบางไปหน่อย อาจมองดูไม่ค่อยแข็งแรง ทรีทเม้นท์ที่เหมาะกับคุณคือทรีทเม้นท์ ที่อยู่ในกลุ่ม เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (FAR – INFRARED SLIM /MUSCLE STIMULATION & SLIM) และกระชับสัดส่วน (SPARSHA CONTOUR WRAP/TREATMENT SLIMMING CONTOURING WRAP) เพื่อ ทำให้สัดส่วนเฟริม์และกระชับอยู่เสมอ ระยะเวลาที่แนะนำในการทำทรีทเม้นท์ คือ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
 
2.  น้ำหนักปกติ (ระหว่าง 18.50 – 22.90)
คุณมี น้ำหนักปกติ โดยทั่วไปค่าดัชนีมวลกายปกติมีค่าระหว่าง 18.50 – 22.90
ควรกินอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม กินเท่าที่ร่างกายต้องการวันไหนกินมากเกินไป วันต่อมาก็กินลดลง กินอาหารพวกข้าวและแป้งรวมทั้งเมล็ดธัญพืชอื่น ๆ ให้มากขึ้นไม่น้อยกว่าวันละ 6 ทัพพี กินผัก รวมทั้งเมล็ดถั่ว ผลไม้ ไม่ต่ำกว่าวันละ 5 ส่วน หรือครึ่งกิโลกรัม เพื่อไม่ให้มีพลังงานส่วนเกินจะทำให้ควบคุมน้ำหนักได้ดี และสมดุล
 
SparSha มีนักโภชนากรที่ให้คำแนะนำการบริโภคอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ให้สามารถรักษารูปร่างให้คงที่โดยไม่กลับมาอ้วนอีก ทำให้ผลการลดสัดส่วนถาวร และป้องกันการกลับมาอ้วนใหม่
 
ค่า BMI 18.50 – 22.90  คุณไม่อ้วน และมีขนาดรูปร่างเล็กและบาง แต่การสะสมไขมันเฉพาะส่วนยังคงมีอยู่ เช่น บริเวณ เอว สะโพก ต้นขา หรือปัญหาผิวเปลือกส้มบริเวณต้นขา  ทรีทเม้นท์ที่แนะนำ คือทรีทเม้นท์ที่อยู่ในกลุ่ม ลดไขมันสะสมเฉพาะส่วน เช่น BODY REMODELING / MICRO RADIO FREQUENCY TREATMENT / SEAWEED SLIMMING MASK / ENDERMOSLIM และกระชับสัดส่วน (SPARSHA CONTOUR WRAP/TREATMENT SLIMMING CONTOURING WRAP)  เพื่อเป็นการลดและกระชับส่วนเกินไปพร้อมกัน ระยะเวลาที่แนะนำในการทำทรีทเม้นท์ คือ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นอย่างน้อย
 
3.  ท้วม / อ้วนระดับ 1 (ระหว่าง 23 – 24.90)
คุณมี น้ำหนักเกิน หรือรูปร่างท้วม โดยทั่วไปค่าดัชนีมวลกายปกติมีค่าระหว่าง 23 – 24.90
ควรควบคุมอาหาร โดยลดปริมาณอาหารหรือปรับเปลี่ยนอาหารจากที่ให้พลังงานมากเป็นอาหารที่ให้พลังงานน้อย ทั้งนี้พลังงานที่ได้รับไม่ควรต่ำกว่า 1200 กิโลแคลอรีต่อวัน โดยลดอาหารไขมัน/ เนื้อสัตว์ อาหารผัด/ทอด ขนมหวาน เครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาล แอลกอฮอล์ แต่ต้องกินอาหารให้หลากหลายในสัดส่วนที่เหมาะสม กินข้าวและแป้ง รวมทั้งเมล็ดธัญพืชอื่น ๆ ไม่น้อยกว่าวันละ 6 ทัพพี กินผัก รวมทั้งเมล็ดถั่ว ผลไม้ ไม่ต่ำกว่าวันละ 5 ส่วน หรือครึ่งกิโลกรัม เพื่อลดพลังงานเข้า ร่างกายจะได้ใช้พลังงานส่วนเกินที่สะสมอยู่ในรูปไขมันแทน
 
SparSha มีนักโภชนากรที่ให้คำแนะนำการบริโภคอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ให้สามารถรักษารูปร่างให้คงที่โดยไม่กลับมาอ้วนอีก ทำให้ผลการลดสัดส่วนถาวร และป้องกันการกลับมาอ้วนใหม่
 
ควรเคลื่อนไหวและออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างสม่ำเสมอทุกวันหรือเกือบทุกวันอย่างน้อยให้เหนื่อยพอควรโดยหายใจกระชั้นขึ้น ประมาณ 40-60 นาทีต่อวัน หรือแบ่งเป็นวันละ 2 ครั้ง ๆ ละ 20 – 30 นาที เช่น เดินเร็ว ถีบจักรยาน เป็นต้น หากยังไม่เคยออกกำลังกายเริ่มแรก ควรออกกำลังเบา ๆ ที่ง่ายที่สุดคือ การเดิน ใช้เวลาน้อยๆ ก่อน จากนั้น ค่อย ๆ เพิ่มเวลาขึ้นในแต่ละสัปดาห์ โดยยังไม่เพิ่มความหนัก เมื่อร่างกายปรับตัวได้จึงค่อยเพิ่มความหนัก หรือความเหนื่อยตามที่ต้องการและเพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้นในชีวิตประจำวัน เพื่อให้มีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น อย่างน้อยวันละ 200 – 300 กิโลแคลอรี
 
ควรฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ด้วยการฝึกกายบริหารหรือยกน้ำหนัก จะช่วยเสริมให้ร่างกายมีการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไขมันลดลง
 
ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในการลดและควบคุมน้ำหนักของสปาชาได้ทุกสาขาทั่วประเทศ
 
ค่า BMI 23 – 24.90 หากเลยเกณฑ์ 20 ถ้าหากเป็นคนซ่อนรูปก็จะยังดูไม่น่าเกลียด แต่จะแต่งตัวโชว์หุ่น คงมีส่วนเกินโชว์ออกมาให้เห็น โดยมาก ผู้ที่มี BMI ระดับนี้ มักมีการบวมน้ำ ร่วมด้วย (จากการอ่านค่าจากเครื่อง Boby Composition Analyzer)  ที่เหมาะกับคุณคือทรีทเม้นท์ ที่อยู่ในกลุ่ม ลดการบวมน้ำทั้งตัว เช่น  CAFFEINE FAT DISSOLVE  และทรีทเม้นท์ที่อยู่ในกลุ่ม ช่วยเรื่องการเร่งการเผาผลาญ ทดแทนการออกกำลังกาย เป็นการออกกำลังกายให้กับกล้ามเนื้อแบบ Passive Exercise ทำให้สามารถดึงไขมันส่วนเกินออกมาใช้ในรูปของพลังงาน เช่น ทรีทเม้นท์ FAR – INFRARED SLIM และทรีทเม้นท์ที่อยู่ในกลุ่ม จัดกรอบรูปร่าง โดยการใช้อุณหภูมิความเย็นในการกระตุ้นให้ร่างกาย เผาผลาญไขมัน ทำให้ร่างกายผลิตพลังงานความร้อนมากขึ้น การใช้อุณหภูมิความเย็นในการกระตุ้น จะช่วยลดไขมันส่วนเกินโดยไม่ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ เช่น ทรีทเม้นท์  SPARSHA CONTOUR WRAPระยะเวลาที่แนะนำในการทำทรีทเม้นท์ คือ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นอย่างน้อย  และ ต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ครั้งแล้วจึง เปลี่ยนโปรแกรมเป็นการลดเฉพาะส่วน
 
4.  อ้วน / อ้วนระดับ 2 (ระหว่าง 25 – 29.90)
คุณ อ้วนแล้ว (อ้วนระดับ 2) โดยทั่วไปค่าดัชนีมวลกายปกติมีค่าระหว่าง 25 – 29.90
ควรควบคุมอาหารโดยลดปริมาณอาหารหรือปรับเปลี่ยนอาหารจากที่ให้พลังงานมากเป็นอาหารที่ให้พลังงานน้อย ทั้งนี้พลังงานที่ได้รับไม่ควรต่ำกว่า 1200 กิโลแคลอรีต่อวัน โดยลดอาหารไขมัน/เนื้อสัตว์ อาหารผัด/ทอด ขนมหวาน เครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาล แอลกอฮอล์ แต่ต้องกินอาหารให้หลากหลายในสัดส่วนที่เหมาะสม กินข้าวและแป้งรวมทั้งเมล็ดธัญพืชอื่น ๆ ไม่น้อยกว่าวันละ 6 ทัพพี กินผักรวมทั้งเมล็ดถั่ว ผลไม้ไม่ต่ำกว่าวันละ 5 ส่วน หรือครึ่งกิโลกรัมเพื่อลดพลังงานเข้า ร่างกายจะได้ใช้พลังงานส่วนเกินที่สะสมอยู่ในรูปไขมันแทน
 
SparSha มีนักโภชนากรที่ให้คำแนะนำการบริโภคอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ให้สามารถรักษารูปร่างให้คงที่โดยไม่กลับมาอ้วนอีก ทำให้ผลการลดสัดส่วนถาวร และป้องกันการกลับมาอ้วนใหม่
 
ควรฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ด้วยการฝึกกายบริหารหรือยกน้ำหนัก จะช่วยเสริมให้ร่างกายมีการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไขมันลดลง
 
ถ้าคุณสามารถลดพลังงานเข้าจากอาหารลงได้วันละ 400 กิโลแคลอรี และเพิ่มการใช้ พลังงานจากการออกกำลังกายวันละ 200 กิโลแคลอรี รวมแล้วคุณมีพลังงาพร่องลงไปวันละ 600 กิโลแคลอรี ออกกำลังกายประมาณ 6 วัน คิดเป็นพลังงานพร่อง 3600 กิโลแคลอรี คุณจะลดไขมันลงได้ประมาณครึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์ พลังงานเข้าหรือออก 3500 กิโลแคลอรี จะเพิ่มหรือลดไขมันได้ 1 ปอนด์ หรือ 0.45 กิโลกรัม
 
ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในการลดและควบคุมน้ำหนักของสปาชาได้ทุกสาขาทั่วประเทศ
 
ค่า BMI 25 – 29.9  รูปร่างอวบมาก หรือ มองดูอ้วนแล้ว ที่มี BMI ระดับนี้ มักมีการบวมน้ำ ไขมันสะสมค่อนข้างมาก การทำทรีทเม้นท์ลดน้ำหนักและสัดส่วน จึงต้องใช้เวลา และความต่อเนื่อง ในการทำทรีทเม้นท์
 
ทรีทเม้นท์ที่แนะนำ คือทรีทเม้นท์ที่อยู่ในกลุ่ม เร่งการแตกตัวของไขมัน โมเลกุลใหญ่ๆ ให้เล็กลง เช่น ทรีทเม้นท์ CIRCULAR MOTION MASSAGE เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมมาก, ไขมันแข็งเป็นก้อน หรือน้ำหนักตัวเกินกว่ามาตรฐานมากกว่า 5 กิโลกรัมขึ้นไป ,ทรีทเม้นท์ที่อยู่ในกลุ่ม ลดการบวมน้ำและเร่งกานเผาผลาญทั้งตัว เช่น ทรีทเม้นท์ CAFFEINE FAT DISSOLVE ซึ่งช่วยยับยั้งเอ็นไซม์ที่กระตุ้นการสะสมของไขมันชั้นใต้ผิว เร่งกระบวนการเผาผลาญพลังงาน (Metabolism) ช่วยในการลดการบวมน้ำ ขับของเสีย และไขมันออกจากร่างกาย และทรีทเม้นท์ที่อยู่ในกลุ่ม ปรับสมดุลการเผาผลาญไขมันทั่วทั้งร่างกาย แก้ไขปัญหาการสะสมไขมันแข็ง หนาแน่น และลดได้ยาก เฉพาะส่วน เช่น หน้าท้อง ต้นขา   เอว สะโพก เช่น ทรีทเม้นท์ Slim Meridian Club เป็นต้น
 
ระยะเวลาที่แนะนำในการทำทรีทเม้นท์ คือ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นอย่างน้อย  และ ต่อเนื่องอย่างน้อย 20 ครั้งแล้วจึง เปลี่ยนโปรแกรมเป็นการลดเฉพาะส่วน
 
5.อ้วนมาก / อ้วนระดับ 3 (มากกว่า 30)
คุณ อ้วนมากแล้ว (อ้วนระดับ 3) โดยทั่วไปค่าดัชนีมวลกายปกติมีค่ามากกว่า 30
ควรควบคุมอาหารโดยลดปริมาณอาหารหรือปรับเปลี่ยนอาหารจากที่ให้พลังงานมากเป็นอาหารที่ให้พลังงานน้อย ทั้งนี้พลังงานที่ได้รับไม่ควรต่ำกว่า 1200 กิโลแคลอรีต่อวัน โดยลดอาหารไขมัน/เนื้อสัตว์ อาหารผัด/ทอด ขนมหวาน เครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาล แอลกอฮอล์ แต่ต้องกินอาหารให้หลากหลายในสัดส่วนที่เหมาะสม กินข้าวและแป้งรวมทั้งเมล็ดธัญพืชอื่น ๆ ไม่น้อยกว่าวันละ 6 ทัพพี กินผักรวมทั้งเมล็ดถั่ว ผลไม้ไม่ต่ำกว่าวันละ 5 ส่วน หรือครึ่งกิโลกรัมเพื่อลดพลังงานเข้า ร่างกายจะได้ใช้พลังงานส่วนเกินที่สะสมอยู่ในรูปไขมันแทน
 
SparSha มีนักโภชนากรที่ให้คำแนะนำการบริโภคอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ให้สามารถรักษารูปร่างให้คงที่โดยไม่กลับมาอ้วนอีก ทำให้ผลการลดสัดส่วนถาวร และป้องกันการกลับมาอ้วนใหม่
 
ควรเคลื่อนไหวและออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างสม่ำเสมอทุกวันหรือเกือบทุกวันอย่างน้อยให้เหนื่อยพอควรโดยหายใจกระชั้นขึ้น ประมาณ 40-60 นาทีต่อวัน หรือแบ่งเป็นวันละ 2 ครั้ง ๆ ละ 20 – 30 นาที เช่น เดินเร็ว ถีบจักรยาน เป็นต้น หากยังไม่เคยออกกำลังกายเริ่มแรก ควรออกกำลังเบา ๆ ที่ง่ายที่สุดคือ การเดิน ใช้เวลาน้อยๆ ก่อน จากนั้น ค่อย ๆ เพิ่มเวลาขึ้นในแต่ละสัปดาห์ โดยยังไม่เพิ่มความหนัก เมื่อร่างกายปรับตัวได้จึงค่อยเพิ่มความหนัก หรือความเหนื่อยตามที่ต้องการและเพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้นในชีวิตประจำวัน เพื่อให้มีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น อย่างน้อยวันละ 200 – 300 กิโลแคลอรี
 
ควรฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ด้วยการฝึกกายบริหารหรือยกน้ำหนัก จะช่วยเสริมให้ร่างกายมีการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไขมันลดลง
 
ถ้าคุณสามารถลดพลังงานเข้าจากอาหารลงได้วันละ 400 กิโลแคลอรี และเพิ่มการใช้ พลังงานจากการออกกำลังกายวันละ 200 กิโลแคลอรี รวมแล้วคุณมีพลังงาพร่องลงไปวันละ 600 กิโลแคลอรี ออกกำลังกายประมาณ 6 วัน คิดเป็นพลังงานพร่อง 3600 กิโลแคลอรี คุณจะลดไขมันลงได้ประมาณครึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์ พลังงานเข้าหรือออก 3500 กิโลแคลอรี จะเพิ่มหรือลดไขมันได้ 1 ปอนด์ หรือ 0.45 กิโลกรัม
 
ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในการลดและควบคุมน้ำหนักของสปาชาได้ทุกสาขาทั่วประเทศ
 
ค่า BMI มากกว่า 30 ไม่มีทางเลือก ต้องลดน้ำหนักอย่างรีบด่วน เพราะความอ้วนนอกจากจะไม่สวยงาม ยังนำโรคภัยมาสู่คุณอีกมากมาย
 
ทรีทเม้นท์ที่แนะนำ คือทรีทเม้นท์ที่อยู่ในกลุ่ม เป็นการปรับสมดุล ทำงานของระบบไหลเวียนของเลือดและระบบน้ำเหลือง ทั้งยังช่วยลดอาการบวมน้ำ และปรับสมดุลทั่วทั้งร่างกาย เช่น ทรีทเม้นท์ Impress ซึ่งควรควบคู่การลดน้ำหนักด้วยทรีทเม้นท์อื่นๆ สำหรับทรีทเม้นท์ Impress ควรได้รับการทำทรีทเม้นอย่างต่อเนื่อง 4 ครั้งเป็นอย่างน้อย  เพื่อเร่งให้การลดน้ำหนักและสัดส่วนเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว ควรทำร่วมกับ ทรีทเม้นท์ SLIM EXPRESS ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมมาก และต้องการลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วน และทรีทเม้นท์ที่เหมาะกับการลดสัดสัดบริเวณหน้าท้อง แผ่นหลัง ต้นขา ได้อย่างรวดเร็ว เช่น ทรีทเม้นท์  Miracle Body Slim   ระยะเวลาที่แนะนำในการทำทรีทเม้นท์ ที่จะสามารถเห็นสัดส่วนที่เปลี่ยนไป คือ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นอย่างน้อย  และ ต่อเนื่องโดยรวม อย่างน้อย 30 ครั้ง

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Line :  Line @sparsha

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ

 

ด็อกเตอร์ไลฟ์ doctorlife