รวมสูตรลดปีกด้านหลัง บอกลาเนื้อปลิ้นรักแร้

เข้าใจสาเหตุการเกิด Bra Fat หรือ Bra Bulge

1. เนื้อปลิ้นรักแร้จากเนื้อเยื่อเต้านม
   ร่างกายต้องมีพัฒนาตามวัย และแน่นอนว่าสำหรับผู้หญิงต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงทางหน้าอกเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น เต้านมเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งขนาดของแต่ละคนก็มีความใหญ่เล็กไม่เท่ากัน ซึ่งสำหรับคนที่มีหน้าอกขนาดใหญ่ก็ส่งผลให้เนื้อเยื่อขยายมากจนมีเนื้อปลิ้นรักแร้ได้
2. เนื้อปลิ้นรักแร้จากไขมั นสะสม
   แน่นอนว่าไขมันสะสมต้องเกิดจากการทานอาหาร ยิ่งทานอาหารประเภทของทอด ของมัน น้ำตาล ก็ยิ่งมีโอกาสเกิดไขมันสะสมเฉพาะส่วน ยิ่งน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นก็ยิ่งเพิ่มโอกาสการเกิดปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้ รอบปลิ้นรอบเสื้อชั้นในได้ โดยไม่จำเป็นว่าคุณต้องมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างทั้งหมดเสมอ เพราะการเกิดไขมันสะสมเฉพาะส่วนของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน บางคนมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมากกว่าคนอื่น บางคนมีไขมันสะสมที่ต้นขามากกว่าคนอื่น และบางคนก็มีไขมันสะสมจนบริเวณช่วงลำตัวด้านบนได้มากกว่าคนอื่นจนเกิดเนื้อปลิ้นรักแร้ได้ชัดเจนนั่นเอง
3. เนื้อปลิ้นรักแร้จากกรรมพันธุ์
   กรรมพันธุ์มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของลักษณะรูปร่าง ระบบการเผาผลาญ โอกาสการเกิดไขมันสะสมเฉพาะส่วนของร่างกาย เช่น บางคนผอมแต่มีไขมันสะสมที่พุง บางคนตัวเล็กแต่ต้นขาและน่องใหญ่ เป็นต้น เพราะฉะนั้นบางคนผอมก็สามารถเกิดเนื้อปลิ้นรักแร้ได้ เพราะเป็นกรรมพันธุ์ที่ร่างกายได้จากครอบครัวมา
4. เนื้อปลิ้นรักแร้จากใส่เสื้อชั้นในที่คับมากเกินไป
   การที่ใส่ชุดชั้นในที่แน่นเกินไปเป็นประจำก็เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดเนื้อปลิ้นรักแร้ได้ โดยปกติแล้วหากใส่เสื้อในที่รัดแน่นเกินตัวก็ทำให้เกิดการบีบเนื้อใต้รักแร้จนเกิดเนื้อปลิ้นรักแร้ออกมา แต่ยิ่งหากมีการใส่ซ้ำเป็นเวลานาน เนื้อเยื่อบริเวณนั้นถูกบีบให้เป็นอย่างนั้นมาตลอด จนสุดท้ายก็ไม่สามารถกลับคืนสภาพปกติได้ แม้คุณจะไม่ใส่แบบแน่นๆ อีกแล้วก็ตาม

รวมวิธีจัดการเนื้อปลิ้นรักแร้ แก้ปัญหา Bra Fat โดยเฉพาะ

1. จัดการปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้ด้วยการเปลี่ยนไซส์ชุดชั้นใน
   การใส่ชุดชั้นในให้เหมาะสมกับขนาดไซส์ที่แท้จริงของตัวเอง และเลือกเสื้อชั้นในที่เก็บทรวดทรงได้ดี จะช่วยลดโอกาสการเกิดเนื้อปลิ้นรักแร้จากการใส่เสื้อชั้นในบีบรัดผิวหนังมากเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยพลางเนื้อปลิ้นรักแร้ได้อย่างรวดเร็วในทุกๆ วัน แต่หากต้องการให้ทรวดทรงกระชับเพอร์เฟ็ก ก็ต้องจัดการด้วยวิธีอื่นที่สามารถแก้ไขเนื้อปลิ้นรักแร้ได้ตรงสาเหตุที่งแท้จริง
2. จัดการปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้ด้วยการออกกำลังกาย
   การออกกำลังกายลดไขมันในร่างกายจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้จากไขมันส่วนเกินได้ถึงสาเหตุ และเน้นการออกกำลังกายประเภทเวทเทรนนิ่งที่ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ เพิ่มการเผาผลาญบริเวณช่วงตัวส่วนบนก็จะช่วยลดปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้ได้ เช่น Pushups, Wall Pushups, Dumbbell Flyes หรือแม้กระทั่งการหมุนหัวไหล่ง่ายๆ ก็ทำได้ เป็น แต่การออกกำลังกายเฉพาะส่วนเพื่อแก้จัดการปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้นั้นจำเป็นต้องใช้ความสม่ำเสมอในการทำ และใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผล เพราะการลดไขมันเนื้อปลิ้นรักแร้เป็นบริเวณที่ลดยากพอสมควร
3. จัดการปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้ด้วยการผ่าตัด
   การผ่าตัดสามารถจำกัดเนื้อปลิ้นรักแร้ให้หายไปได้อย่างรวดเร็ว แต่อาจมีความเสี่ยงในเรื่องของแผลผ่าตัดที่อาจเกิดรอยแผลเป็นขึ้นมาแทน ซึ่งหากสาเหตุปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้ของคุณมาจากไขมันสะสมเป็นส่วนใหญ่ การผ่าตัดออกไปก็อาจจะเป็นการรักษาที่ไม่ตรงสาเหตุ เพราะหากคุณยังกลับไปมีพฤติกรรมอาหารสร้างไขมันสะสมเช่นเดิมก็กลับมามีปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้ได้อีกเช่นเคย โดยการรักษาเนื้อปลิ้นรักแร้ด้วยการผ่าตัดส่วนใหญ่เหมาะสำหรับบุคคลที่มีปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้จากการเนื้อเยื่อเต้านมที่ทำให้กลายเป็นมีเต้านมเพิ่ม ซึ่งจะเป็นในลักษณะเนื้อปลิ้นก้อนเล็กๆ ที่มีหัวนมเล็กๆ อยู่ด้วย
4. จัดการปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้ด้วยการฉีดสลายไขมัน
   การฉีดสลายไขมันจัดการปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้ เป็นการฉีดสารสลายไขมันเข้าสู่ร่างกายในรูปแบบเดียวกับการฉีดสลายไขมันบริเวณอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า ต้นขา เป็นต้น ซึ่งจะเข้าไปทำการสลายไขมันเฉพาะจุด ลดการสะสมของไขมัน และทำให้ไขมันสลายตัวออกมาผ่านทางระบบการไหลเวียนเลือดและระบบต่อมน้ำเหลืองไหล เป็นการขับของเสียโดยธรรมชาติของร่างกาย ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่สามารถจัดการปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้ เนื้อปลิ้นรอบเสื้อชั้นใน ลดปีกด้านหลังได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด แต่อย่างไรก็ตาม ต้องระมัดระวังในเรื่องของสารสลายไขมันว่ามีคุณภาพหรือไม่ สารปลอมหรือเปล่า เนื่องด้วยวิธีนี้ค่อนข้างทำได้ง่าย และบางครั้งก็มีราคาถูก ทำให้หลายคนสนใจทำโดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอันตรายตามมาภายหลังได้
5. จัดการปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้ด้วยนวัตกรรมเฉพาะทาง
   วงการแพทย์ความงามในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนานวัตกรรมมากมายหลายรูปแบบ ที่ช่วยในการรักษาเกี่ยวกับการลดไขมัน กระชับสัดส่วน ดูแลรูปร่าง โดยให้ผลลัพธ์การจัดการปัญหาเทียบเท่าผ่าตัด เปลี่ยนแปลงร่างกาย แต่ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น หรือเสี่ยงต่อการเจ็บตัวใดๆ แม้แต่น้อย ซึ่งการลดไขมันเฉพาะส่วนในบริเวณรอบลำตัวช่วงบน เนื้อปลิ้นรักแร้ ลดปีกด้านหลัง ก็ได้มีการออกแบบเครื่องมือเฉพาะทางที่ช่วยให้จัดการปัญหาได้อย่างอ่อนโยน ในบริเวณที่ถือว่าลดไขมันยากที่สุดบริเวณหนึ่ง ซึ่งเป็นนวัตกรรมลดไขมันเฉพาะส่วนบริเวณรอบลำตัวช่วงบนโดยเฉพาะ สามารถสลายไขมันได้อย่างอ่อนโยน จบปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้ แก้ปัญหาเนื้อปลิ้นรอบเสื้อชั้นในได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผลลัพธ์ผิวหนังกระชับเหมือนผ่านการออกกำลังกายมาเป็นระยะเวลานาน แต่ไม่มีอาการบาดเจ็บ ไม่สร้างแผลให้ร่างกายแม้แต่รอยจิ้มเข็ม

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

โปรแกรมลดปีกด้านหลัง เทคโนโลยีจัดการปัญหาเนื้อปลิ้นรักแร้อย่างอ่อนโยน

บอกลาเนื้อปลิ้นรักแร้ บอกลาไขมันสะสมเฉพาะจุดด้วยโปรแกรมลดปีกด้านหลัง

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

หลักการทำงานของโปรแกรมลดปีกด้านหลัง บอกลาเนื้อปลิ้นรักแร้

ระยะเวลาการทำโปรแกรมลดปีกด้านหลัง ลดปีกด้านหลัง บอกลาเนื้อปลิ้นรักแร้

ผลข้างเคียงหลังทำโปรแกรมลดปีกด้านหลัง ลดปีกด้านหลัง บอกลาเนื้อปลิ้นรักแร้

การเตรียมตัวก่อนเข้าทำโปรแกรมลดปีกด้านหลัง ลดปีกด้านหลัง บอกลาเนื้อปลิ้นรักแร้

1. ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
2. งดดื่มเครื่องดื่มที่เป็นแอลกอฮอล์ทุกชนิด
3. ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร (7-8 แก้ว/วัน)

ข้อห้าม/ข้อควรระวังในการทำโปรแกรมลดปีกด้านหลัง ลดปีกด้านหลัง บอกลาเนื้อปลิ้นรักแร้

1. ผู้ที่ทำบอลลูนหัวใจ, ลิ่มเลือดอุดตัน
2. ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน (กินยารักษา)
3. ผู้ที่ผ่าตัด (ทำได้เมื่อหลังผ่าตัด 6-12 เดือนขึ้นไป)
4. โรค SLE ห้ามทำช่วงที่มีอาการ
5. โรคมะเร็ง, นิ่วในถุงน้ำดี
6. โรคไทรอยด์เป็นพิษแบบสูง
7. ผู้ที่เป็นเส้นเลือดขอด, เส้นเลือดเปราะ

การดูแลตนเองหลังทำโปรแกรมลดปีกด้านหลัง ลดปีกด้านหลัง บอกลาเนื้อปลิ้นรักแร้

1. หลังทำโปรแกรมลดปีกด้านหลัง ลดปีกด้านหลัง บอกลาเนื้อปลิ้นรักแร้ ภายใน 24 ชั่วโมง แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่า เฉลี่ย 2-3 ลิตร เพื่อให้ของเสียที่คั่งค้างสะสมอยู่ในร่างกายถูกกำจัดออกให้เร็วที่สุดและในวันถัดไปให้ดื่มน้ำเปล่าวันละ 2 ลิตร ถ้าดื่มน้ำน้อยขบวนการขับของเสียออกจากร่างกายจะไม่ดี ของเสียและไขมันจะยังคงสะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้ผลในการรักษาได้ผลไม่ดีนัก
2. งดดื่มเครื่องดื่มที่เป็นแอลกอฮอล์ทุกชนิด
3. ทานอาหารที่มีประโยชน์ และครบ 5 หมู่
4. ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
5. เพื่อเสริมให้เห็นผลการรักษาเร็วยิ่งขึ้นควรรักษาควบคู่ไปกับการทำทรีทเม้นท์อื่นๆ ร่วมด้วย