เสริมจมูก ศัลยกรรมเสริมจมูกเสริมความงาม เพิ่มมิติให้หน้าสวยสมบูรณ์แบบ

เสริมจมูก ศัลยกรรมเสริมจมูกเสริมความงาม เพิ่มมิติให้หน้าสวยสมบูรณ์แบบ

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

ศัลยกรรมเสริมจมูก เสริมความงาม เพิ่มมิติให้หน้าสวยสมบูรณ์แบบ

การศัลยกรรมเสริมจมูกเพียงครั้งเดียว ก็สามารถเปลี่ยนใบหน้าให้สวยขึ้นได้ตลอดไป เพราะการศัลยกรรมเสริมจมูกช่วยทำให้ใบหน้าดูโดดเด่นขึ้น มีมิติขึ้น เปลี่ยนใบหน้าให้สวยสมบูรณ์แบบอย่างที่ต้องการได้ในทันที จึงทำให้การศัลยกรรมเสริมจมูกได้รับความนิยมมากในวงการศัลยกรรมเสริมความงามของสาวๆ และก็มีคลินิกศัลกรรม ศัลยกรรมเสริมจมูกให้เลือกมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม การศัลยกรรมเสริมจมูกไม่ควรหวังผลเพียงจมูกโด่งเท่านั้น เพราะหากคุณต้องการใบหน้าที่สวยงาม การศัลยกรรมเสริมจมูกจึงเป็นการเสริมความงามที่ต้องออกมาเหมาะสมกับใบหน้าของคุณ เสริมใบหน้าดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างไปของแต่ละคน
 

Sparsha Medica ศัลยกรรมเสริมจมูกให้สวยงามสมดุลเฉพาะแต่ละบุคคล

Sparsha Medica ใช้หลักการออกแบบลักษณะการศัลยกรรมเสริมจมูกให้ตรงกับสัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ได้รับการยอมรับในหลักสากลสำหรับเป็นเกณฑ์ในการสร้างสรรค์สัดส่วนที่สมบูรณ์แบบตามธรรมชาติ และอัตราส่วนทองคำนี้ส่งผลต่อสายตามนุษย์มากที่สุด จึงถูกนำมาใช้กับงานศิลปะในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม ภาพถ่าย ภาพวาด อย่างเช่น ภาพโมนาลิซา (Mona Lisa) ของ เลโอนาร์โด ดา วินชี ก็ใช้สัดส่วนทองคำเช่นกัน รวมถึงเทคนิคเพื่อเสริมความงามทุกประเภท และสำหรับการศัลยกรรมเสริมจมูกที่ Sparsha Medica ภายใต้หลักการสัดส่วนทองคำจะเป็นดังต่อไปนี้
 
โดยหลักการนี้จะช่วยจัดองค์ประกอบความงามสำหรับใบหน้า เสริมสร้างความงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะให้กับแต่ละคน โดยเป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกที่ช่วยเสริมความสมดุลให้ใบหน้า ลบความบกพร่อง และช่วยปรับรูปหน้าให้เกิดความโดดเด่น มีมิติ สมบูรณ์แบบลงตัวกับแต่ละคน
 

2 เทคนิคการศัลยกรรมเสริมจมูก มอบผลลัพธ์ความงามเหมาะสมที่แตกต่าง

การศัลยกรรมเสริมจมูกของ Sparsha Medica มีเทคนิคการทำ 2 รูปแบบที่แตกต่าง นั่นก็คือการศัลยกรรมเสริมจมูกเทคนิคผ่าตัดแบบปิด (CLOSED RHINOPLASTY) และการศัลยกรรมเสริมจมูกเทคนิคผ่าตัดแบบเปิด (OPEN RHINOPLASTY) ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเทคนิคไหนก็สามารถเสริมความงามให้คุณได้ โดยขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความต้องการศัลยกรรมเสริมจมูกที่แตกต่างไปของแต่ละคน มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
 
เสริมจมูก ศัลยกรรมเสริมจมูก
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
 
ศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยเทคนิคการผ่าตัดแบบปิด (CLOSED RHINOPLASTY)
เป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกที่รบกวนโครงสร้างพื้นฐานของจมูกน้อยที่สุด แต่มีการผ่าตัดในรูปแบบที่มีรอยกรีดแผลไว้ภายในจมูก และใช้ “ซิลิโคน” ในการศัลยกรรมเสริมจมูก โดยศัลยแพทย์จะดีไซน์รูปทรงซิลิโคนให้เหมาะกับใบหน้าแต่ละคน ซึ่งการศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยเทคนิคการผ่าตัดแบบปิด (CLOSED RHINOPLASTY) จะเหมาะสำหรับคนที่มีรูปทรงจมูกที่ค่อนข้างดีในระดับหนึ่ง ลักษณะดั้งจนถึงปลายจมูกมีขนาดเล็กเรียว ฐานจมูกไม่ใหญ่เกินไป และจมูกทรงเดิมไม่เบี้ยว แต่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่จมูกสั้นมากเกินไป ผิวหนังและเนื้อจมูกบางเกินไป
 
โดยการศัลยกรรมเสริมจมูกวิธีนี้ แพทย์จะทำการฉีดยาชาให้คนไข้ จากนั้นเปิดแผลเล็กๆ ภายในช่องจมูกข้างใดข้างหนึ่ง จากนั้นแพทย์จะวางซิลิโคนตั้งแต่สันจมูกถึงปลายจมูก แล้วเย็บปิดแผลผ่าตัดด้วยไหมปกติหรือไหมละลาย แล้วแต่ดุลยพินิจของแพทย์
 
การศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยเทคนิคการผ่าตัดแบบปิด (CLOSED RHINOPLASTY) เป็นเทคนิคที่ทำได้ง่าย สะดวก ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน เพียง 20-30 นาที ใช้เพียงยานอนหลับและยาชา ไม่มีแผลเป็นด้านนอก พักฟื้นน้อย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และหากมีปัญหาก็สามารถแก้ไขได้ง่าย
 
***ข้อควรรู้เกี่ยวกับซิลิโคนศัลยกรรมเสริมจมูก
ซิลิโคนที่ใช้ศัลยกรรมเสริมจมูกภายใต้เทคนิคการผ่าตัดแบบปิด (CLOSED RHINOPLASTY) ควรเลือกซิลิโคนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากอย. ซึ่งจะเป็นซิลิโคนที่ผ่านการทดสอบมาแล้วว่ามีคุณภาพและปลอดภัยสูง โดยซิลิโคนที่ได้รับความนิยมและมั่นใจได้ในความยิดหยุ่น ได้แก่
 
เสริมจมูก ศัลยกรรมเสริมจมูก
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
 
  1. ซิลิโคน USA มาตรฐานพิเศษ
    เป็นซิลิโคนที่มีความนิ่มปานกลาง สามารถเหลาปรับแต่งรูปทรงได้ดี มีความยืดหยุ่นสูงหลังศัลยกรรมเสริมจมูก เหมาะสำหรับผู้ที่มีเอบริเวณสันจมูกค่อนข้างมากหรือมีจมูกยาว
  2. ซิลิโคนเกาหลีแบบพิเศษ
    เป็นซิลิโคนสำเร็จรูปที่มีความนิ่มมาก และมีความยืดหยุ่นสูง สามารถบิดหรืองอจมูกได้ง่าย ทำให้ทรงจมูกมีความเป็นธรรมชาติสุง เหมะสำหรับคนที่ชอบทรงจมูกพุ่งสวยสไตล์เกาหลี
 
เสริมจมูก ศัลยกรรมเสริมจมูก
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
 
ศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยเทคนิคการผ่าตัดแบบเปิด (OPEN RHINOPLASTY)
เป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกที่ใช้สำหรับการปรับโครงสร้างของจมูกใหม่ ทั้งทำใหม่และแก้จมูกใหม่ เป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกแบบใช้อวัยวะบางส่วนของคนไข้ มาเป็นส่วนประกอบในการเสริมปลายให้ได้รูปทรง เช่น กระดูกหลังในหู กระดูกก้นกบมาช่วยทำให้รูปทรงจมูกสวยเป็นธรรมชาติ ให้ทรงจมูกยาวขึ้นและพุ่งขึ้น โดยการศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยเทคนิคการผ่าตัดแบบเปิด (OPEN RHINOPLASTY) จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีจมูกสั้น รูจมูกเชิด ปลายจมูกบาง ปลายจมูกหนาใหญ่ ฐานกระดูกจมูกกว้าง จมูกผิดรูปคดเอียง ปัญหาการเกิดผังพืดหดรัด หรือปัญหาทรงจมูกผิดรูป ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยซิลิโคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เคยศัลยกรรมเสริมจมูกซิลิโคนแล้วเกิดปัญหาปลายจมูกบางเริ่มจะทะลุนั้น หากแก้จมูกด้วยการศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยซิลิโคนซ้ำอีกก็จะยิ่งทำให้ปัญหานั้นหนักขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น การศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยเทคนิคนี้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างถาวร ไม่มีปลายจมูกทะลุแน่นอนตลอดชีวิต เพราะเป็นวัสดุจากร่างกายคนไข้นั่นเอง
 
การศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยวิธีนี้ แพทย์จะประเมินและวิเคราะห์แก้ไขตามปัญหาและความเหมาะสมของแต่ละคน โดยแพทย์จะใช้ช้วิธีผ่าตัดเปิดแผลบริเวณฐานจมูกเพื่อให้สามารถตกแต่งกระดูกฐานจมูกให้มีขนาดเล็กลง ผ่าตัดปรับรูปร่างปีกจมูกให้สวยงามและเข้ารูปขึ้น ปรับแต่งปลายจมูกให้ดูเรียวเล็ก ในส่วนของการผ่าตัดจะมีการผ่าตัดนำเอากระดูกอ่อนในร่างกายมาใช้ จากนั้นจึงผ่าตัดแบบเปิดจมูกด้านหน้า ซึ่งอาจทำให้มีแผลเป็น ทั้งนี้การศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยเทคนิคการผ่าตัดแบบเปิด (OPEN RHINOPLASTY) ค่อนข้างมีความซับซ้อน โดย 1 วันก่อนผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูกต้องมีการงดน้ำ งดอาหารมาเพื่อตรวจเลือด และ X-ray ดูความพร้อมของปอดคนไข้ สำหรับการวางยาสลบ โดยคุณหมอจะใช้ยาสลบก่อนการผ่าตัด และหลังผ่าตัดเสร็จแล้วจะต้องพักฟื้นอย่างน้อย 1 คืน
 
การศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยเทคนิคการผ่าตัดแบบเปิด (OPEN RHINOPLASTY) เป็นเทคนิคที่สามารถปรับรูปทรงของจมูกโดยรวม ให้ดูสวยขึ้นทั้งหมด อย่างที่การศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยซิลิโคนทั่วไปทำไม่ได้ แพทย์จะสามารถปรับโครงสร้างของจมูกทั้งหมดของคนไข้ได้อย่างตรงจุด ช่วยให้รูปทรงปีกจมูกดูเรียวขึ้นได้โดยไม่ต้องมีการผ่าตัดแก้ไขปีกจมูกเพิ่มเติมด้วยซ้ำ เป็นวิธีการแก้จมูกที่ดีที่สุด แต่การศัลยกรรมเสริมจมูกวิธีนี้ค่อนข้างใช้เวลานานในการผ่าตัด ประมาณ 3-5 ชั่วโมง มีความเสี่ยงมากกว่า การพักฟื้นใช้เวลานาน และต้องมีการตรวจติดตามหลายครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม คุณจะได้จมูกที่ไม่ใช่แค่โด่ง แต่ได้ความเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องกังวลปัญหาปลายทะลุอีกต่อไป
 

การเตรียม ตัวก่อนศัลยกรรมเสริมจมูก

  1. แจ้งให้แพทย์ทราบข้อมูลเกี่ยวกับโรคประจำตัว การทานยารักษาโรคประจำตัว ประวัติการผ่าตัด ประวัติการแพ้ยา ประวัติการแพ้อาหาร (หากมีประวัติการรักษาจากโรงพยาบาล ควรนำมาในวันปรึกษาด้วย) หรือแจ้งก่อนวันจองคิวผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก
  2. ผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, หรือยาแก้ปวดกลุ่ม NSAID เช่น Voltaren, Brufen หรือยาโรคประจำตัวอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการผ่าตัดหรือแจ้งก่อนวัน
  3. จองคิวผ่าตัด
  4. งดทานวิตามินอาหารเสริมต่าง ๆ ทุกชนิด อย่างน้อย 1 เดือนก่อนผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก ไม่ว่าจะเป็น วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย เมล็ดองุ่น โสม หรืออื่นๆ
  5. ควรสระผมให้สะอาดเรียบร้อยก่อนวันผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก และไม่แต่งหน้าในวันนั้น รวมถึงงดใส่คอนแทคเลนส์ หากมีปัญหาด้านสายตาให้สวมแว่นสายตาแทน และต้องทำความสะอาดเล็บมือเล็บเท้าให้สะอาด งดการทาเล็บมือ เล็บเท้า และงดการต่อเล็บทุกชนิด
  6. งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิลต่าง ๆ บนร่างกายในวันผ่าตัด (หากถอดออกไม่ได้ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ)
  7. งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูก เนื่องจากสารที่อยู่ในบุหรี่มีผลลดปริมาณออกซิเจนในเลือดและทำลายเซลล์ที่จะซ่อมแซมการหายของแผล มีผลทำให้เลือดที่จะมาหล่อเลี้ยงบริเวณที่ผ่าตัดลดลง โดยมีโอกาสให้ผิวหนังที่ผ่าตัดขาดออกซิเจน ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
  8. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วันก่อนผ่าตัด และหลังผ่าตัดต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  9. เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ควรตื่นเต้นมากเกินไป และควรทราบว่าหลังผ่าตัดย่อมเกิดการบวมช้ำบริเวณแผล และการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า หรือบริเวณร่างกายที่ทำการผ่าตัด ซึ่งต้องใช้เวลาในการหายของแผลหรือความเคยชินกับภาพลักษณ์ใหม่
 
เสริมจมูก ศัลยกรรมเสริมจมูก
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
 

การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมเสริมจมูก

  1. ประคบผ้าเย็นหรือถุงน้ำแข็งประมาณ 7 วันแรก รอบบริเวณที่ติดเทปจมูก (ห้ามโดนส่วนที่ติดเทปเด็ดขาด) ควรประคบ 4 จุด คือ สันจมูกด้านข้างซ้ายและขวา สันจมูกตรงกลางด้านบนและระหว่างคิ้ว โดยประคบเย็นค้างไว้ตำแหน่งละ 30 วินาที หรือว่ารู้สึกเย็นมากๆ จึงเปลี่ยนตำแหน่ง ทำวันละ 4 รอบ ได้แก่ เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน หลังจากนั้นจึงเริ่มประคบอุ่น
  2. ดูแลแผลบริเวณที่ผ่าตัดอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน รวมถึงหลังล้างหน้า หลังอาบน้ำ หรือหลังประคบเย็น ควรทำแผลด้วยน้ำเกลือ และก่อนทำแผลควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง
  3. ช่วง 2 - 3 วันแรก นอนศีรษะสูง ห้ามนอนตะแคง โดยปกติแล้วแพทย์จะทำการติดเทปเอาไว้เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่อยู่แล้ว แต่ให้หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ ทางที่ดีให้นอนหมอนล็อคคออย่างน้อย 1 เดือน เพื่อป้องกันซิลิโคนเบี้ยวเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง หากลืมเพียงคืนเดียวจมูกสามารถเอียงได้
  4. หลังทำจมูก 24 ชั่วโมง อาจจะรู้สึกปวดศีรษะ ปวดบริเวณจมูก บวมบริเวณใบหน้าบ้าง ให้รับประทานยาแก้ปวด และต้องรับประทานทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ประกอบด้วยยาฆ่าเชื้อวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า กลางวัน เย็น  และยาแก้ปวดครั้งละ 1 เม็ดหลังอาหาร หรือเมื่อมีอาการปวด ทานห่างกันอย่างน้อย 4 - 6 ชั่วโมง ทั้งนี้ควรทานยาให้ครบอย่างน้อย 7 วัน
  5. งดรับประทานอาหารหมักดอง อาหารที่ไม่ปรุงสุก อาหารทะเล แอลกอฮอล์ อาหารเค็ม อาหารที่มีโซเดียมเยอะ เช่น มาม่า โจ๊กคัพตามร้านสะดวกซื้อ และงดสูบบุหรี่  ทั้งหมดนี้เป็นเวลา 1 เดือน ให้ทานอาหารประเภทอ่อนๆ  หากไม่ปฏิบัติตามข้อห้ามแผลอาจติดเชื้อได้ หลีกเลี่ยงอาหารที่ตนเองแพ้ และอาหารที่ทำให้หน้าบวมแดง เช่น อาหารที่ร้อนจัด อาหารที่มีรสเผ็ด อาหารรสเค็ม แอลกอฮอล์ บุหรี่ เป็นต้น
  6. จมูกอาจจะบวมมากที่สุดประมาณ 2 - 3 วัน สามารถแกะพลาสเตอร์ที่ปิดแผลไว้ออกได้ แกะออกได้ตอนครบ 7 วัน โดยให้ใช้น้ำอุ่นค่อย ๆ เช็ดและลอกออกอย่างเบามือ จากนั้นให้ดึงออกจากบนลงล่าง อย่างช้าๆ หลังวันที่ 7 หลังจากแกะพลาสเตอร์แล้ว ให้ประคบอุ่นบริเวณที่บวมช้ำ
  7. หลังจากศัลยกรรมเสริมจมูก 3 วัน - 1 สัปดาห์ สามารถไปทำงานได้แต่ต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่างที่ออกกำลังมาก ควรหลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูก การขยี้จมูก ก้มหน้านานๆ หรือยกของหนัก
  8. โดยทั่วไปจมูกจะยุบบวมและเข้าที่ประมาณ 3 เดือนขึ้นไป ซึ่งจะยุบบวมประมาณ 60% ใน 1 อาทิตย์, 80% ใน 1 เดือน และเข้าที่ 90% - 100% ในอีก 3 - 6 เดือน
  9. หากเกิดปัญหาติดต่อคลินิกศัลยกรรมเสริมจมูกทันที
 

ปัญหาหลั งศัลยกรรมเ สริมจมูกที่ควรระวัง

หลังศัลยกรรมเสริมจมูกไปแล้วหากมีอาการผิดปกติ ต้องรีบแจ้งคลินิกศัลยกรรมเสริมจมูกทันที ซึ่งปัญหาที่สามารถเจอได้หลังศัลยกรรมเสริมจมูกไปแล้วก็คือ ปัญหาจากการศัลยกรรมเสริมจมูกโดง่เกินไป ฝืนเนื้อจมูกเกินไปทำให้จมูกเสี่ยงทะลุ ซึ่งหากมีอาหารเหล่านี้ ต้องได้รับการแก้ไขด่วนจี๋ที่สุด
  1. ผิวจมูกที่ปลายบาง บางจนเห็นรูปทรงซิลิโคน
    หลังศัลยกรรมเสริมจมูกแล้วจมูกสะท้อนแสง มันวาวมากกว่าปกติ หรือมีสีขาวๆ ใสๆ ที่บริเวณปลายจมูก หากมีอาการนี้แสดงว่าเนื้อที่ปลายจมูกเริ่มบางมากๆ แล้ว จึงทำให้มองเห็นผิวของซิลิโคนที่อยู่ใต้ผิวหนังสะท้อนออกมา ต้องรีบติดต่อคลินิกศัลยกรรมเสริมจมูกเพื่อรับการแก้ไขโดยด่วน
  2. เนื้อที่ปลายจมูกแดงมากขึ้น
    เนื่องจากหลังศัลยกรรมเสริมจมูกแล้วส่งผลให้จมูกบางลง สีผิวจมูกบริเวณนั้นเกิดความแตกต่างจากผิวบริเวณอื่น ๆ เช่น อาจมีสีขาวซีด แดง หรือดำคล้ำ สังเกตได้จากเวลาแต่งหน้า อาจต้องลงเมคอัพบริเวณนี้มากกว่าส่วนอื่น ๆ เพื่อปกปิดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอกัน ซึ่งก็ควรรีบแก้ไข้อย่างเร่งด่วน
  3. เป็นสิวที่ปลายจมูกทานยาแล้วไม่ดีขึ้น
    ไม่ว่าจะเป็นเป็นสิวหัวช้าง สิวอักเสบ ที่กินยา ทายา แล้วไม่หายเสียที ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการอักเสบลุกลามทำให้เนื้อเยื่อที่หุ้มซิลิโคนศัลยกรรมเสริมจมูกเกิดอาการอักเสบและติดเชื้อได้ อาจส่งผลทำให้ผิวหนังบริเวณจมูกบางลง เป็นสาเหตุทำให้ซิลิโคนทะลุได้ ต้องรีบปรึกษาศัลยแพทย์ที่ศัลยกรรมเสริมจมูกให้ทันที
 

เช็คลิสต์ก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกศัลยกรรมเสริมจมูก

การศัลยกรรมเสริมจมูกสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ทั้งในทางที่ดีและร้ายได้ หากเราไม่มีการศึกษาและพิจารณาเลือกสิ่งที่ดีที่สุด และสมเหตุสมผลกับความต้องการสูงสุด ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกศัลยกรรมเสริมความงาม จึงต้องมีการศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจดังนี้
  1. คลินิกน่าเชื่อถือ ปลอดภัย มีใบอนุญาติประกอบการถูกกฎหมาย
    คลินิกศัลยกรรมเสริมจมูกที่คุณกำลังจะไปทำต้องได้มาตรฐาน ซึ่งเราสามารถดูจากเลขที่ใบอนุญาตเปิดสถานพยาบาลจากระทรวงสาธารณสุข  เพื่อเป็นการยืนยันมาตรฐานของคลินิก จากนั้นให้ลองเข้าไปตรวจเช็คสถานที่ ตรวจสอบความสะอาด บรรยากาศปลอดเชื้อ เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องเสี่ยงการติดเชื้อระหว่างผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูกนั่นเอง
  2. ตรวจสอบศัลยแพทย์ที่เราจะศัลยกรรมเสริมจมูกด้วย
    การผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูกควรได้รับการทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นแพทย์จริงๆ โดยเราสามารถตรวจสอบชื่อศัลยเเพทย์ที่เราจะศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยได้จากรายชื่อเว็บเเพทยสภา
  3. ศัลยแพทย์ต้องให้คำแนะนำได้อย่างตรงจุด
    การศัลยกรรมเสริมจมูกให้เป็นที่น่าพึงพอใจ ต้องอาศัยการพูดคุยอย่างละเอียด โดยแพทย์ต้องให้คำแนะนำที่ดีที่สุดและตรงไปตรงมา เพื่อที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งหากการพูดคุยกับแพทย์ไม่เข้าใจ ผลลัพธ์ก็อาจไม่เข้ากับใบหน้าของคุณก็เสีย ต้องไปเสียเงินทำใหม่อีกก็ไม่ใช่เรื่อง
  4. เช็คคุณภาพซิลิโคนก่อนศัลยกร รมเสริมจมูก
    ก่อนรับวัสดุจากภายนอกเข้าสู่ร่างกาย ต้องเลือกสิ่งที่มั่นใจว่าดีและปลอดภัยที่สุด ดังนั้น ทางคลินิกต้องมีซิลิโคนที่ได้มาตรฐานสูง ผ่านการรับรองจากอย. สามารถเช็คเลขทะเบียนได้ และของข้างในต้องตรงปก ไม่จกตา
  5. ราคาที่เหมาะสม
    เช็คราคาก่อนศัลยกรรมเสริมจมูก เพราะเรื่องค่าใช้จ่ายต้องไปได้กับคุณภาพ ดังนั้น การเช็คราคา เช็ครีวิว เช็คความสวยงามของลูกค้าที่เคยมารับการศัลยกรรมเสริมจมูกไปแล้วเป็นอย่างไร เพื่อให้การตัดสินใจของคุณไม่มีข้อผิดพลาด และเหมาะสมกับความต้องการจมูกทรงสวยงามได้จริง
  6. มีรับประกันหลังทำ
    การผ่าตัดศัลยกรรมเสริมจมูกสามารถเกิดข้อผิดพลาดได้ ดังนั้น ทางคลินิกจึงควรมีการรับประกันหลังศัลยกรรมเสริมจมูกให้ลูกค้า เพื่อเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบ และเป็นการดูแลต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และพึงพอใจสูงสุด
 

ใครบ้างที่ไม่ควรศัลยกรรมเสริมจมูก

ใครๆ ก็สามารถทำศัลยกรรมเสริมจมูกได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการศัลยกรรมเสริมจมูกเพื่อความงาม แก้ไขจมูก รวมถึงแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยในเรื่องการหายใจ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก่อนการศัลยกรรมเสริมจมูก แพทย์จะมีการพิจารณาถึงความเหมาะสมด้วยเช่นกันว่าควรศัลยกรรมเสริมจมูกหรือไม่ ด้วยการคำนึงถึงสภาพจิตใจของผู้เข้ารับการผ่าตัด และปัจจัยสุขภาพหลายประการ โดยกลุ่มคนที่ไม่ควรทำศัลยกรรมจมูก ได้แก่
  1. ผู้ที่มีสภาวะทางจิตไม่คงที่ เช่น โรคจิตเภท
  2. มีบุคลิกภาพแบบ SIMON (Single, Immature, Male, Overly Expectant, Narcissistic) คือ โสด อายุน้อย
  3. คาดหวังสูงเกินไป และหลงตัวเอง
  4. ผู้ที่ไม่ต้องการมีแผลเป็นภายนอก
  5. ผู้ที่มีผนังจมูกบวมหนามากหลังจากการทำศัลยกรรมครั้งก่อน
  6. ผู้ที่มีความคาดหวังในการศัลยกรรมที่เกินจริง
  7. ผู้ที่เคยผ่าตัดศัลยกรรมจมูกมาก่อนหน้านี้ 9-12 เดือน (ในกรณีที่ต้องทำการผ่าตัดใหญ่)
  8. ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่มีความเสี่ยงในการผ่าตัดสูง
  9. ผู้ที่เคยมีประวัติในการศัลยกรรมเสริมจมูกบ่อย ๆ จนทำให้ผิวหนังและเนื้อเยื่อที่บริเวณจมูกไม่แข็งแรง และมีแผลเป็นค่อนข้างรุนแรง
  10. ผู้ที่ใช้สารเสพติดอย่างเช่น โคเคน ผ่านทางจมูก
  11. หากการทำจมูกนั้นทำเพื่อเสริมความงาม ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรรอให้กระดูกที่บริเวณจมูกเจริญเติบโตให้เต็มที่ก่อน โดยในผู้หญิงควรอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ส่วนสำหรับผู้ชายจะอยู่ที่ประมาณอายุ 15-16 ปี จึงจะเริ่มทำการศัลยกรรมเสริมจมูกได้ หากเป็นผู้ที่ต้องผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการหายใจก็สามารถทำได้ทันทีหากแพทย์พิจารณาแล้วเห็นสมควร

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Line :  Line @sparsha

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ

 

ด็อกเตอร์ไลฟ์ doctorlife